🔥เที่ยวไหมครับเซี่ยงไฮ้ 4 วัน กับตัง 5000 บาท ฉบับละเอียดมาก!!! เที่ยวตามได้สบาย
🇨🇳หลายๆคนเมื่อได้ยินคำว่าเซี่ยงไฮ้ คงร้องอี้นึกถึงภาพทัวร์จีนในไทยกันเป็นแถว เราเป็นหนึ่งในนั้นที่คิดแบบนี้ก่อนจะไป เคยปฏิญาณไว้เลยนะว่าจะไม่ไปเที่ยวจีนเด็ดขาด
👉🏻แต่หลังจากที่เราไปมา บอกได้เลยว่า
😂เหมือนที่คิดเป๊ะ 55555555 หมายถึงผู้คนนะ อาจจะมีความเร่งรีบและโลกส่วนตัวสูงสักนิด แต่ภายใต้อะไรพวกนั้น มองข้ามไป สิ่งที่ดีมันมีอยู่เยอะ เยอะจนสามารถมองข้ามอะไรพวกนั่นไปได้
- สภาพแวดล้อม สถาปัตยกรรม เมือง ตึก ต่างๆ ชนะเลิศมาก ถ่ายออกมานี้สวยโคตร ให้ฟิลยุโรปในงบเอเชีย
- มีที่เที่ยวครบ ทั้งสวนสนุก ถนนคนเดิน ตลาดน้ำ พิพิธภัณฑ์อาร์ตๆ แหล่งช็อปเสื้อผ้าราคาแพลตินั่ม
- เดินทางง่าย ทุกที่ที่ไปสามารถนั่ง metro ได้ ง่ายแถมถูก
- มีดิสนีย์แลนด์ อันนี้คือเดอะเบสของทริป มาแค่นี้ก็คุ้มแล้ว
- งบไม่แรง ตั๋วเครื่องบินถูก
============================
🌟แพลน
Day1
– Jing’an Temple วัดยอดฮิตใกล้ metro ขึ้นมาเจอเลย
– Yuyuan Road ใกล้กับวัด เป็นย่านที่มีต้นไม้ผลัดใบ้เยอะดี ถ่ายออกมาดูแพง
– Seesaw Café คาเฟ่ออกแนวมินิมอล แลนด์มาร์คของคนรักกาแฟ
– Long Museum เป็นพิพิธภัณฑ์อาร์ทๆ ขาวๆมินิมอลหน่อย ติดริมแม่น้ำ
– East Nanjing เป็นถนนคนเดินที่มีทั้งของกินและของช็อปยาวไปทั้งถนน
Day2
– Yuyuan gardent เป็นตลาด เขตเมืองเก่า ให้อารมณ์จีนๆ เทียบกับไทยก็ประมาณตลาดน้ำสี่ภาค มีสวนในตลาดด้วย
– XINTIANTI ย่านการค้าสถาปัตยกรรมแนวยุโรป โซนนี้ถ่ายออกมาดีสุด
– Tian Zi Fang เป็นที่ช็อปเหมือนกันแต่โลคอลกว่า
– Qipu Road Costume Wholesale Market ช็อปเสื้อผ้าราคาแพลตินัม
– East Nanjing ไปกินชาบูหม่าล่าที่ว่าเด็ด
Day3
-“Zhujiajiao” ตลาดน้ำ เมืองโบราณจูเจียเจี่ยว เวนิสตะวันออก มีเรือล่องๆ
– เดินเล่นฝั่ง west nanjing
– Starbucks Reserve Shanghai Roastery สตาบัคที่ใหญ่ที่สุดในโลก
– เดินเล่น The Bund หาดไว่ทาน ไฟตอนกลางคืนสวยมักๆ
Day4
– เซี่ยงไฮ้ดีสนีย์แลนด์
============================
✈️การเดินทาง
เราไปด้วยสายการบิน Nokscoot ค่ะ บินตรงลงเซี่ยงไฮ้ ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง ค่าตั๋วไปกลับประมาณ 3400
============================
💴งบ
– ที่พัก
Hostel Nanjing คืนละ 380 *2 คืน = 760 บาท/ คน
Hostel Disney คืนละ 730 /2 คน = 365/ คน
– ค่าเข้าดิสนีย์ 1689 เราจองใน kkday ถูกกว่า ปกติ 1800
– ค่ากิน 2000
– ค่าเดินทาง 500
5314 หลักๆที่ใช้ในเซี่ยงไฮ้
** ไม่รวมตั๋วนาจา แล้วแต่โปรที่กดกันได้ ไปคำนวนเอาเองเน้อ***
การเตรียมตัว
- เร่ิมจากหาโปรตั๋วถูกก่อนเลย เจอปุ๊ปกดปั้ป
- จากนั้นก็แพลน ว่าจะไปที่ไหน กี่วัน นอนไหน ง่ายสุด ไปตามแพลนเรา เวิร์คไม่ต้องคิดเยอะ
- จองที่พัก เราใช้วิธีกาในเว็บต่างๆค่ะ หลักๆจะ Airbnb
- พอได้ตั๋วได้ที่พัก ต่อมาสำคัญสุด คือการขอวีซ่า จะไปยื่นขอเองหรือจ้างเอเจนขอก็ได้ แนะนำไปเอง รอไม่นาน ยื่นง่าย ค่าธรรมเนียม 1,500 บาท สิ่งที่ต้องเตรียม เอกสารคำร้องขอ จะปริ้นไปหรือไปเอาที่โน้นก็ได้ พาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน และก็ใบจองที่พัก รูปถ่าย
- แลกเงิน ช่วงที่เราไปเรทอยู่ที่ 4.6 ต่อ 1 หยวน เราแลกไป 10,000 ถ้าไม่ช็อปคือเหลือๆเลย ที่นั้นส่วนใหญ่ไม่ใช้บัตรเครดิตที่เป็น Master card น้า มีแค่บางช็อปใหญ่ๆที่ใช้ได้ ส่วนใหญ่เขาจะใช้ Unionpay กัน เพราะฉนั้นแลกไปสะดวกสุด
- เตรียมซิมไป อันนี้สำคัญมากโคตร เพราะที่จีนเขาบล็อก Facebook line google ถ้าไปซื้อซิมหรือใช้ wifi ที่โน้นเราจะเล่นไม่ได้เลย แต่จริงๆมีแอพ VPN อยู่ เผื่อใครลืมซิม โหลดไว้ก็เล่นได้เหมือนกัน
- Power Bank ห้ามเกิน 20,000 ถือขึ้นเครื่องได้อย่างเดียวห้ามโหลด
- ภาษามือ ฝึกไปเลย เพราะจะไม่มีการคุยภาษาอังกฤษใดๆ ถ้าให้ดีเตรียมรูปพวกหมู ไว้ เอาไปถามเขา ว่าที่จะกินใช่หมูไหม
- เตรียมเสื้อผ้าดีๆเช็คอากาศด้วย อย่าใส่ซีทรูเหมือนเรา หนาวจนร้องขอชีวิต
ปล.ทริปนี้ไปมาช่วง เมษา นะคะยังหนาวอยู่เลย
การเดินทางในเซี่ยงไฮ้
- เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่เจริญมากๆ การเดินทางมี Subway ถึงทั้งเมืองที่สำคัญโคตรถูก!! เที่ยวนึงประมาน 3 หยวน หรือ 14 บาท
- มีบัตร เหมา 1วัน 18 หยวน 3 วัน 45 หยวน ถ้าไปเยอะแนะนำ ซื้อแบบ 3 วันไปเลย
- ให้โหลดแอพ Metro Shanghai Subway ไว้ เพื่อใช้ในการเดินทาง มันจะบอกว่าเราต้องไปยังไง ต่อสายไหน ราคาเท่าไร ใช้เวลาเท่าไร เราแค่ใส่ต้นทางกับปลายทางที่ต้องการไป ซึ่งในโพสเราจะเขียนต้นทางกับปลายทางไว้ให้เน้อ ที่สำคัญอย่าลืมดูฝั่งที่นั่ง เหมือนบ้านเราเลยรถไฟฟ้าสายนึงจะมีสองฝั่ง เช่นฝั่งที่ไปแบริ่งกับไปหมอชิตไรงี้ เราต้องดูว่าที่ๆเราจะไปอยู่ฝั่งไหน แล้วก็นั่งให้ถูก ไปง่ายขนาดคนที่อยู่ไทยยังหลงแบบเรายังไปได้ คุณก็ไปได้
ที่มาของทริปนี้คือเราไปเจอโปรเปิดเที่ยวบินใหม่ของสายการบิน Nokscoot มาค่ะ เที่ยวละ 3400 ราคาดีมากๆ นี่ไม่รีรอ จองไปอย่างไว
เราเลือกนั่งในโซนเงียบ ที่เรียกว่า Scoot in Silence และที่นั่งชั้น Economy แถวหน้าแบบ Stretch ซึ่งมี Seat Width กว้างถึง 36 นิ้ว ยืดขาได้เยอะ นั่งสบายสุดๆ โอเคเลยนะสำหรับเรา เป็นส่วนตัว เครื่องลำใหญ่กว้างมากๆ กว้างแบบวิ่งเล่นได้ แต่ห้ามวิ่งนะคะ เปรียบเทียบเฉยๆ 😂 แอร์ก็บริการดี ยิ้มแย้มน่ารักก
แล้วไม่ต้องกลัวหิวเลยเพราะ NokScoot Cafe พร้อมเสิร์ฟเมนูอร่อย สามารถเลือกได้ว่าจะให้เสิร์ฟเลยหลังเครื่องขึ้น หรือเสิร์ฟตอนเช้าก่อนเครื่องจะลงก็ได้ แนะนำเมนู Pre Order ชุดอุ่นร้อนมีให้เลือกหลายเมนู แต่ต้องสั่งล่วงหน้าน้าผ่านทาง www.nokscoot.com เท่านั้นนะคะ
พอมาถึงสนามบิน อันดับแรก เราก็จะต้องหาวิธีเดินทางเข้าเมืองเพื่อเอาของไปเก็บที่พักนะคะ ที่พักเราอยู่แถว East nanjing
วิธีเข้าเมืองสามารถทำ ได้ 2 วิธีค่ะ
- Maglev แพงแต่เร็ว ใช้เวลา 8 นาที 50 หยวนต่อเที่ยว แต่ถ้าซื้อไปกลับเลยจะถูกกว่าราคา 80 หยวน และไปลง สถานี Longyang Rd เพื่อต่อ Metro ธรรมดาไป สถานี East nanjing
- Metro ถูกแต่ช้า สาย 2 สีเขียวจะประมาณ 1 ชั่วโมง 7 หยวน
ปล. มีเปลื่ยนขบวนที่สถานี Guanglan ด้วยน้า ให้ออกมาขึ้นขบวนตรงข้าม ถึงจะไปสถานี East nanjing ออกทางออก 1
พอลงจากเครื่องก็เข้า ตม รับของ เรียบร้อย ก็ไปหาที่นอนรอเวลา subway เปิด จะเปิดประมาณ 6 โมง
วิธีการคือเดินตามป้ายค่ะ เรานั่ง Metro ก็ตามป้ายไปเรื่อยๆ มีของกินขายน้า ทรงแบบ MRT บ้านเราเลยที่จะมีของกินนั่นนี่ มากินรอได้
ส่วนบัตร One Day Pass ซื้อได้ที่เคาท์เตอร์ตรงทางจะเข้า Metro แต่ถ้าซื้อเที่ยวเดียว ก็ไปกดตู้เอา มีภาษาอังกฤษ
Day1
07:30 เราก็มาถึงสถานี East nanjing ให้ออกทางออก 1 เลี้ยวขวาจะเจอแยก เลี้ยวขวาอีกที เดินตรงมาจะมีทางม้าลายให้ข้ามแบบนี้ ข้ามไปแล้วเลี้ยวซ้าย เดินต่ออีกนิดที่พักอยู่ ขวามือ เปิดแมพเดินได้ ชื่อในแมพจะเป็น Mingtown Nanjing Road Youth Hostel
เอาของเข้าไปฝากก่อนได้ แล้วค่อยกลับมาเช็คอินตอนบ่ายสอง
ที่เลือกพักแถวนี้ เพราะมีของกิน ของขายเยอะมากค่ะ หนานจินจะมีสองฝั่ง คือ East Nanjing แล้วก็ West Nanjing ถ้าเทียบแล้วเหมือนเยาวราช ที่จะเป็นถนนเส้นยาวๆ แต่ไม่ได้ขายของกินแบบเยาวราชนะ จะเป็นห้างซะส่วนใหญ่ สองข้างทางเลย เรียงแบบยาวๆไป มีของกิน ของขายเพียบ เดินได้ทั้งกลางวัน กลางคืน ถ้าเริ่มเดินตั้งแต่ที่พัก (East Nanjing) ไปทางซ้าย เดินจนสุดจะเป็น The bund ที่คนชอบถ่ายรูปที่มีหอไข่มุข มีตึกเยอะๆงะ
เราพักที่ Shanghai Nanjing Road Youth Hostel สองคืน คืนที่สามเราไปพักแถวๆดิสนีย์ เพราะมันใกล้สนามบิน
อันนี้จองใน Agoda เป็น Hostel มีทั้งแบบห้องรวมและห้องเดียว ของเราเป็นแบบห้องรวม 6 คน คืนละ 380฿/คน แยกชายหญิง ปลอดภัยแน่นอน เราว่าโอเคนะ เพราะปกติก็กลับมานอนเฉยๆ ไม่ต้องพักแพงๆหรอก เราได้เพื่อนร่วมห้องดีด้วยไม่เสียงดังใดๆ ทุกเตียงมีปลั้กให้ ใครใช้เยอะ อย่าลืมเตรียมปลั้กพ่วงไป มีไฟให้ของใครของมัน มีตู้เก็บของในห้อง มีกุญแจล็อค
ในตึกก็จะมีหลายชั้น หลายห้อง มีพื้นที่ส่วนกลาง ชั้นสองเป็นครัว มีตู้เย็น มี มีอุปกรณ์ครัวต่างๆครบ ชั้นสามเหมือนเป็นห้องนั่งเล่น มีทีวี มีโต๊ะพลู
ระหว่างรอเช็คอินเราก็มาเดินเล่นค่ะ หาของกิน เราไปกินข้าวในห้าง Hongyi Plaza ชั้นใต้ดินที่เชื่อมไปทางเข้า 3 ของสถานี East nanjing มีหลายร้านเลยในนั้น เราเลือกจากร้านที่คนเยอะสุด 5555 “Yang’s Dumpling” เหมือนก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมู ผสมก๋วยจั้บหยวนงะ 18 หยวน ก็ไม่แย่ แต่ก็จืดๆ พอกินได้
แล้วก็ไปหาเสื้อกันหนาว เห็นชุดแรกที่ใส่มะ ซีทรูมาเต็ม คิดว่าจะไม่หนาว ที่ไหนได้ วันที่ไป คนจีนบอกเป็นวันที่หนาวที่สุดเลยเพราะเมื่อวานฝนตก รีบหาซื้อเสื้อแทบไม่ทัน แล้วก็ได้เสื้อที่เหลืองนี้มา H&M ลดอยู่ตัวละ 199 หยวน (900฿)
Jing’an Temple
เก็บของเช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อย เราก็ออกลุย เร่ิมต้นเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการไปไหว้พระขอพรที่วัดจินอัน (jing’an Temple) หนึ่งในวัดสำคัญของเซี่ยงไฮ้ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน คนส่วนใหญ่ที่ไปก็จะไปโยนเหรียญให้เข้าไปในเจดีย์ธูป แล้วก็ไปแตะหยกชิ้นใหญ่ (ลักษณะเหมือนหิน) ซึ่งมีชื่อว่า Lucky Jade Stone
วิธีการเดินทาง : จาก East nanjing เรานั่ง Line 2 สีเขียวไปลง สถานี Jing’an Temple ทางออก 1 เดินขึ้นมานิดนึงจะเจอวัดเลย (3หยวน)
ค่าเข้า : 50 หยวน/คน
เวลาเปิด–ปิด : 07.30 – 17.00 น.
เป้าหมายต่อไป คือ Seesaw Café ค่ะ เป็นคาเฟ่ออกแนวมินิมอล แลนด์มาร์คของคนรักกาแฟ มีบันไดสีขาวกลางร้าน เห็นรูปแล้วอยากไปมาก อยู่ ใกล้กันกับวัด เราเปิดแมพเดินไปตามถนน Yuyuan ประมาณ 650ม. ระหว่างทางก็มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ถนนเส้นนี้ค่อนข้างสวย ระหว่างสองข้างทางจะมีต้นไม้แห้งๆที่ไม่มีใบ มองไปก็สวยแปลกตาดี
Seesaw Cafe
เดินมาถึงตามแมพ ก็หาไม่เจอ แต่มีซอยๆอยู่ซ้ายมือเลยเดินเข้าไป และเราก็เจอ Seesaw Café แต่ะเอ้ทำไมมันเงียบแปลกๆเหมือนปิด
ใช่ค่ะ มันปิดไปแล้ว ปิดแบบปิดทำการอะ งื้ออออ เสียใจมาก มากแบบมากๆ เป็นหนึ่งในที่ๆเราอยากมาเลย
เอาเป็นว่า อัพเดตล่าสุด (เมษา 2019 ) สำหรับคนที่จะไป มันปิดแล้วน้า ไม่รู้ย้ายไปไหน หรือปิดปรับปรุง หรือยังไงไม่แน่ใจ นกมากๆๆ เศร้า
ร้านผลไม้ทางไป Seesaw
ระหว่างทางกลับ มีร้านผลไม้ ร้านนึง สตอเบอร์รี่ถูกมาก เชอร์รี่ก็มี ที่เซี่ยงไฮ้จะมีร้านผลไม้เยอะมากค่ะ ที่สำคัญพวกเชอร์รี่ สตอเบอร์รี่อะไรพวกนี้จะถูกกว่าบ้านเรา อย่างอื่นไม่แน่ใจ เราซื้อมากล้องนึงแบบใหญ่ๆ แค่ 16 หยวน ประมาน 75บาท แบบหันๆก็มีถุกลงไปอีก หวานอร่อย กรอบๆ แนะนำ
Long Museum
เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะเอกชนในเซี่ยงไฮ้ รีโนเวทจากโรงงานถ่านหินเก่า จะยังคงเห็นเครื่องจักร และโครงสร้างเดิมอยู่ ภายในแบ่งการจัดแสดงเป็น 2 ส่วน คือ พิพิธภัณฑ์หมุนเวียน และ ถาวร เราไม่ได้เข้าไปข้างใน ไปถ่ายรูปเล่นแค่ข้างนอก ที่มีมุมถ่ายรูปเท่ๆหลายมุม สายอาร์ตต้องมา ชอบตึกที่มีความดิบๆเทาๆ ถ่ายออกมาสวยดี
วิธีการไป : จากสถานี Jing’an Temple ให้นั่ง Line7 สีส้ม ไปลง สถานี Middle Longhua Road (3 หยวน)
ค่าเข้า : ไม่มี
อยู่ติดริมน้ำด้วย คนส่วนใหญ่ก็มาถ่ายรูปมาเดินเล่น เหมือนเป็นอีกหนึ่งที่พักผ่อนหยอนใจ ชิวๆ
ลองเอาเจ้า OPPO F11 Pro มาถ่ายเล่นดู พึ่งถอยมาใหม่ กล้องใช้ได้เลย ถ่ายสวยคมชัด ด้านหลังเป็นกล้องคู่นะคะ 48 ล้านMP แหนะ สามภาพบนเป็นภาพจากกล้องใหญ่ ส่วนสามภาพล่างเป็นภาพจาก OPPO แอบมีความคมกว่ากล้องปกติอีก โหดเอาเรื่อง ราคาแค่หมื่นต้นๆทำได้ขนาดนี้
Daimei Hot Pot
ประมาณ 4 โมงเย็น เราก็กลับมาหาอะไรกิน ที่หนานจินคะ ตามรีวิวของท้องถิ่นมา เขาบอกว่ามีชาบูหม่าล่าเจ้าเด็ดอยู่ เดินหาอยู่นานมากๆในที่สุดก็เจอ ความยากคือ ทุกอย่างเป็นภาษาจีน และพนักงานไม่พูดภาษาอังกฤษ ด้านล่างตึกจะมีพนักงานชุดแดงยืนรออยู่ เราก็เอารูปให้เขาดู ถามว่าใช่ร้านนี้ไหม สรุปใช่ เขาก็กดลิฟต์ให้เราขึ้นไปชั้น 6 ก็จะเจอร้านเลย คนเยอะพอสมควร แสดงว่าเด็ดจริง
สรุปคือ อร่อยจริงสมคำล่ำรือ ที่สำคัญถูกมากกกก เป็นมื้อที่ถูกที่สุดที่กินในเซี่ยงไฮ้ เรามากินสองวันเลย วันแรก 74 หยวน เพราะสั่งเนื้อพิเศษไป วันสอง 56 ตกคนละ 132 บาทเองพอหารกัน ถือว่าถูกและดีและอิ่มที่สุดในการมาเซี่ยงไฮ้ ต้องไปโดน
วิธีการไป : สถานี East nanjing ทางออก 1 ร้านอยู่ฝั่งตรงข้าม ตึก SENDNES จะมีพนักงานชุดแดงยืนอยู่ มีลิฟต์ 3 ตัว ให้ขึ้นไป ชั้น 6
Day2
Yuyuan Garden Market
วันนี้เราจะเน้นตะลุยกิน ตะลุยช็อปตามย่านต่างๆ ที่แรกคือ ตลาดอวี้หยวน ค่ะ ที่นี้จะแตกต่างกับหนานจิงเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมบ้านเรือนสไตล์จีนโบราณแบบเยาวราชชิดซ้ายไปเลย เป็นอีกหนึ่งที่ ที่ควรมาเมื่อมาเที่ยวเซี่ยงไฮ้
วิธีการเดินทาง : จากที่พัก นั่งไปแค่สถานีเดียวค่ะ Line10 สีม่วง ลงสถานี Yuyuan Garden (3 หยวน)
ภายในจะเป็นตลาด มีหลายซอย ขายของกินของฝากเพียบ เดินกินเพลินๆ เรามาวันเสาร์คนค่อนข้างจะเยอะนิดนึง
เดินเข้าไปอีกจะมีในส่วนของ สวนจีนโบราณด้วย สวยงามอลังการมากๆ อายุมากกว่า 400 ปีแหนะ อันนี้จะเป็นบริเวณข้างหน้า ไม่เสียค่าเข้า ถ้าเข้าไปข้างในเสียค่าเข้า 40 หยวน เราไม่ได้เข้าไป เพราะคนน่าจะเยอะมากๆ ถ่ายข้างนอกก็สวยแย้ว
XINTIANDI
ไปเดินเล่นย่านจีนจ๋ามาแล้ว ต่อมาเราจะมาย่านที่มีความผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันตกและตะวันออกกันบ้าง ที่นี้คือย่าน ซินเทียนตี้ค่ะ เป็นอีกหนึ่งที่ ที่พอถ่ายรูปออกมาแล้วเหมือนอยู่ยุโรปเลย ส่วนใหญ่มีแต่ฝรั่งในย่านนี้
วิธีการเดินทาง : จาก สถานี Yuyuan Garden นั่ง Line10 สีม่วงเหมือนเดิมไปลง สถานี Xintiandi ออกทางออก 6 จะเจอจักรยานสีส้ม อันนี้คือแนะนำมากโคตรรรรรรรร ห้ามพลาด มีอยู่ทั่วเมือง สามารถขับได้ง่ายๆแค่โหลดแอพ Mobike มา นางจะให้เติมตังไป ขั้นต่ำ 50 จ่ายผ่าน line ได้ หรือบัตรเครดิตก็ได้ แล้วก็เอาโทรศัพท์ไปสแกน QR Code ที่จักรยาน มันก็จะปลดล็อค ครึ่งชั่วโมง 1 หยวน ขับไปแล้วไปจอดตรงไหนก็ได้ที่มีสัญลักษณ์ตัว P หรือที่ๆเขาจอดกัน ดีมากๆ เราขับไปจอดตรงข้ามกับทางเข้า Xintiandi ไม่ต้องเดินเเลย จากทางออก 6 ข้ามไปฝั่งตรงข้ามขับตรงอย่างเดียว ผ่าน ห้าง Xintiandi Style แสดงว่ามาถูก ขับไปเรื่อยๆตามถนน Madang Road จนถึงแยกถนน Xingye Road ขวามือ ก็จะถึง
XINTIANDI
ซินเทียนตี้ แปลว่าโลกใหม่ แต่ก่อนเป็นย่านที่อยู่อาศัยของชาวเซียงไฮ้ บ้านเรือนสไตล์อิฐ มีเอกลักษณ์พิเศษไม่เหมือนที่ไหน ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้เป็นย่านถนนคนเดิน มีร้านอาหาร ร้านค้า และสถานบันเทิงสไตล์ตะวันออกและตะวันตกหลายร้านค่ะ
นอกจากร้านอาหารก็จะมีห้าง มีเสื้อผ้าแบรนด์เนมขายค่อนข้างเยอะ ซึ่งดีไซน์สวยมากๆ สังเกตุจากหลายๆร้านที่ไปมา คอลเลคชั่นของที่นี้เขาจะแบบแฟชั่นจ๋าสุดๆ ต้องลองมาดู
Tian Zi Fang
เถียนจีฝาง เป็นที่ช็อปอีกเหมือนเคย เป็นตรอกซอกซอย ของขายเยอะ มุมอาร์ตๆก็เยอะ ของกินก็เยะ ต่างจากสองที่แรกตรงดูมีความเป็นตลาดที่ locol มากกว่า ไม่ใช่สินค้าแบรนด์เนม มีบาร์หลายร้าน
วิธีการเดินทาง : จาก Xintiandi ให้นั่ง Line 13 สายสีชมพู ไปลงสถานี Madang Road และต่อ Line9 สีฟ้า 1 สถานีไปลง Dapuqiao ออกทางออก 1 ข้ามถนนมาเลี้ยวขวาก็จะเจอทางเข้า (3 หยวน)
มุมถ่ายรูปภายในตลาด
Qipu Road Costume Wholesale Market
และที่สุดท้ายของวันแห่งการตะลุยที่ช็อปปิ้ง สาวๆน่าจะชอบ เพราะที่นี้คือแหล่งขายเสื้อผ้าราคาถูก ทรงแบบประตูน้ำแพลตินั่มของบ้านเราเลย ความพีคของที่นี้คือ พอเราเข้าไปดูถามราคา แล้วทำเหมือนจะไม่เอา เขาก็จะให้เรากดราคาที่เราอยากได้เอง แนะนำว่ากดไปเลยตามราคาที่เราว่ามันถูก ร้านหลังๆเรารู้แนว กดลดจากราคาตั้งไปเกิน 50% เขายังให้เราเลยอะ แต่ต้องเล่นใหญ่หน่อยนะ แบบเล่นตัวเหมือนจะไม่เอา ถ้ากดไปแล้วเขาไม่ให้ ก็ทำเดินออกจากร้าน เดียวเขาจะให้เอง ถูกจริง ไม่เกิน 300 เสื้อผ้าสวยๆเยอะ เสียดายเรามาเย็นแล้ว เดินได้ไม่นาน ควรมาก่อน 6 โมงน้า
วิธีการเดินทาง : จาก Dapuqiao นั่ง Line9 สีฟ้าไปลง Jiashan Road แล้วต่อ Line สีเขียว ไปลงสถานี Tiantong Road (3 หยวน) ขึ้นมาจะมีหลายตึกมากแถวนั่น เราข้ามสะพานลอยไปตึกตรงข้าม ใครมีเวลาเหลือลองไปหลายๆตึกได้
ร้านนี้พอออกมากจากสถานีจะเจอ อร่อยมากกกกกก ต้องไปโดน เป็นไม้ๆแช่น้ำ ขายอยู่ มีน้ำซุปด้วย อากาศหนาวๆแล้วกินนี่เป็นอะไรที่ตอบโจทย์
ร้านนี้พอออกมากจากสถานีจะเจอ อร่อยมากกกกกก ต้องไปโดน เป็นไม้ๆแช่น้ำ ขายอยู่ มีน้ำซุปด้วย อากาศหนาวๆแล้วกินนี่เป็นอะไรที่ตอบโจทย์
East Nanjing
ช็อปเสร็จก็กลับมาเดินเล่นหนานจิงตอนค่ำต่อ ตั้งใจจะไปดูไฟที่ The bund แต่มั่วแต่เดิน พอไปถึงไฟปิดแล้วจ้า ควรมาก่อน 4 ทุ่มน้าถ้าจะไป The Bund
ระหว่างทางไปเดอะบัน จะมีเหมือนตึกๆนึงของกินเยอะมาก ถ้าหิวแนะนำแวะมาตึกนี้ได้
Day3
ตลาดน้ำ เมืองโบราณจูเจียเจี่ยว “Zhujiajiao”
ตื่นเช้ามาเราก็เช็คเอาท์ เพราะเดียวคืนนี้จะไปนอนแถวดิสนีย์ แต่สามารถฝากของไว้ก่อนได้ เดียวเย็นกลับมาเอา
วันนี้เราจะออกนอกเมืองไปเดินเล่นตลาดน้ำกัน ว่ากันว่าเหมือนเวนิสตะวันออก ถ้าเปรียบให้ดูดีหน่อย แต่ถ้าเทียบกับบ้านเราก็อัมพวา 555555
วิธีการเดินทาง :
1. จากสถานีรถไฟฟ้า People’s Square (Line 1) โดยให้ออกที่ทางออกหมายเลข 1 Exit 1 เมื่อออกมาจะเจอกับ Shanghai Museum ที่อยู่ด้านขวาให้เราข้ามถนนด้วยสะพานลอยที่เป็นลักษณะโค้ง ๆ หน่อย ๆ เมื่อข้ามมาฝั่งตรงข้ามได้แล้วจะเจอกับ Shanghai Concert Hall เป็นอาคารฮอลล์ขนาดใหญ่ ให้เราเดินไปทางขวา เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงหัวมุม จะเจอกับคิวรถบัสที่จอดอยู่
2. จากสถานีรถไฟฟ้า Dashijie (Line 8) เมื่อออกมาแล้วจะเจอกับ Shanghai Concert Hall ให้เดินไปตาม Jinling Middle Rd. แล้วเลี้ยวขวาตรงมุมถนนมองไปก็จะเจอ
ถ้ากลัวเดินไปถูกกดแมพเอาได้ >>> https://goo.gl/maps/qcBxMNwW3Zp
จากนั้นก็ขึ้นรถบัสสีชมพูที่จอดอยู่ตามรูปบนซ้าย นั่งไปจนสุดสาย ค่าโดยสาร 12 หยวน
ตรงนี้นอกจากจะเป็นที่ขึ้นรถไปจูเจียเจี่ยวแล้วยังเป็นที่ขึ้นรถบัสสีแดง Signseeing ด้วย จะเป็นรถนั่งชมเมืองค่ะ ใครมีเวลา แนะนำมานั่งรถนี่เล่นรอบเมืองได้ จะขึ้นลงกี่รอบก็ได้
พอถึงอู่รถสีชมพูจอดก็ให้เดินไปตามทางออกของสถานี เลี้ยวซ้ายตรงมาจนเจอสี่แยกที่มีป้ายอักษรแดงๆอยู่ฝั่งตรงข้าม ให้้ข้ามถนนเข้าซอยนั่นมา เดินจนสุดซอย จะมีทางแยกซ้ายขวา จะเลี้ยวไหนก็ได้ เข้าตลาดเหมือนกัน
อันนี้บรรยากาศภายในตลาด คุ้มอยู่น้านั่งรถมา 1 ชั่วโมง มีของขายริมน้ำตลาด 2 ข้างทาง มีร้านอาหารที่สามารถนั่งกินลมชมวิวบนชั้นสองและมองลงมาเห็นเรือ หรือใครจะนั่งเรือเล่นก็ได้ ราคาเหมาลำ 150 หยวน
มุมน่ารักๆเยอะเลย ขากลับก็กลับไปที่อู่ ขึ้นรถชมพูเหมือนเดิม อย่าลืมถามก่อนขึ้น มันมีรถสีชมพูสองคัน เราเกือบขึ้นผิด ต้องขึ้นคันที่กลับมา People’s Square เน้อ
Starbucks Reserve Shanghai Roastery
เราออกเมืองโบราณประมาน บ่ายสามกว่า กลับมาถึงในเมืองเกือบ 5 โมง มาเดินเล่นต่อที่หนานจิน แต่วันนี้มาฝั่ง West Nanjing มาดูร้าน Starbucks ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกัน ใหญ่กว่าสาขาปกติถึง 300 เท่าเลย ของจริงก็ใหญ่จริง มีหลายโซน เครื่องดื่มก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละโซน ทั้งกาแฟดริป ชา ผลไม้ ขนม มีเมนูแปลกๆเยอะมาก กรรมวิธีทำก็แปลกๆ ใครสาวกสตาบัคต้องมาลอง
วิธีการเดินทาง ลงสถานี Nanjing West Road
The Bund
และนี่คือ The Bund หรือ หาดไว่ทาน ที่เราตั้งใจจะมาตั้งแต่เมื่อวานแต่มาไม่ทัน เราว่าอันนี้คือไฮไลท์ของทริปเลย บรรยากาศตอนกลางคืนคือโรแมนติกมาก เปิดไฟอลังการสุดๆ ทั้งถนนเลย สวยแปลกตา ถ้ามาเซี่ยงไฮ้แล้วไม่ได้มาถ่ายมุมนี้ ถือว่ามาไม่ถึงน้า
วิธีการเดินทาง สถานี East Nanjing Road จากนั้นก็เดินมายาวๆจนสุดทางเลยค่า
The Bund
ดูสิสวยมาก เกินคาด ภาพจีนในหัวเราไม่ได้มีอะไรแบบนี้เลย เซอรไพร์สุด
ดูไฟเสร็จ เราก็รีบกลับที่พัก ไปเอาของ ไปนอนอีกที่
และนี่คือที่พักคืนที่สามของเรา มาหานอนที่ใกล้ดิสนีย์ น่าจะเดินทางง่ายกว่า อันอยู่ห่างกับดิสนีย์แค่ 2 สถานี
ที่พักน่ารักมากๆ น่ารักแบบน่ารักเกินไป เจ้าของก็น่ารัก พูดภาษาอังกฤษได้ ดูแลดี ต้อนรับเราดีมากๆ ตกคืนละ 730/2 คน = 365/ คน ถูกกว่าคืนแรกอีก
ของกินเยอะด้วยน้าตรงที่เราพัก เวิร์คมากๆแนะนำ ตอนเช้าฝากของไว้ก่อนได้ด้วย พอเที่ยวดิสนีย์เสร็จค่อยกลับมาเอาของ
อันนี้ Link ที่พัก >>> https://th.airbnb.com/rooms/31096124?guests=1&adults=1&fbclid=IwAR2PSsjT44kbq9G3VwWsIkmswD7d8HWB8YGqyfIcD2KtZXa1wtm_wl1aAis
วิธีการเดินทาง เรามาจากที่พักเดิมคือ East Nanjing นั่ง Line2 สีเขียวไปลงสถานี Longyang Road ต่อ Line16 สีฟ้าน้ำทะเล ไปลง Luoshan และต่อ Line11 สีน้ำตาลไปลง Xiuyan Road
จากสถานี Xiuyan Road เดินออกทางออก 2 ตรงมาเรื่อยๆจะเจอทางม้าลาย ให้ข้ามไปฝั่งตรงข้าม เดินไปเรื่อยๆ จะเจอ KFC เรานัดกับเจ้าของที่นั่นแล้วเขาก็พาเข้าที่พัก ยังไงลองนัดดูอีกทีน้า
Day4
Shanghai Disneyland
อีกหนึ่งที่ที่ใฝ่ฝันมากๆในการมาทริปนี้ คือดิสนีย์แลนด์ !!!!!!! เอาจริงมาที่นี่ที่เดียวก็คุ้มแล้วนะสำหรับเรา อยู่ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อเลย
เราจองตั๋วไปก่อนจากไทย ในเว็บ KKDay ได้มาราคา 1689 ปกติจะ 1886 พอไปถึงแค่ยื่นพาสปอร์ตก็เข้าได้เลย
https://m.kkday.com/th/product/7076
แนะนำให้ไปวันธรรมดา เช็คดีๆอย่าให้ตรงวันหยุดของคนจีน เราไปวันจันทร์ คนก็ไม่ได้เยอะมากมาย วันเดียวเล่นเกืือบครบอยู่น้า
อีกอย่างคือ ให้โหลดแอพ Shanghai Disneyland ไว้ มันจะมี Map บอกว่าในนั่นมีเครื่องเล่นอะไรบ้าง ต้องรอกี่นาที ที่สำคัญ ให้จอง FastPass ไว้ มันจะทำให้เราไม่ต้องไปต่อคิวนานๆ จะมีเวลาบอก สมมุติจองเครื่อง A ไว้ตอน 11 โมง พอ 11 โมงก็ไปเล่น โดยที่เข้าช่อง fastpass ได้เลย 2 ชั่วโมงจะจองได้ที วันนึงจะจองได้ประมาน 3 เครื่องเล่น
แนะนำ TRON สนุกสุดเสียวสุดในนั่น จะเป็นเหมือนรถไฟเหาะ แต่นั่งบนมอไซต์แทน โคตรมัน
Seven Dwarfs Mine Train อันนี้เป็นเครื่องที่เราต่อคิวนานสุด เกือบชั่วโมงอะ เป็นเหมือนรถไฟเหาะเหมือนกัน แต่เด็กเล่นได้ เลยต่อคิวนาน เสียวรองลงมาหน่อย ถ้ากด fastpass น่าจะคุ้มสำหรับอันนี้
สำหรับเครื่องเล่นที่เราชอบมากๆอันหนึ่งขอยกให้กับ Tron Lightcycle Power Run ในโซน Tomorrowland มันสุดเสียวสุด กรี๊สคอแห้ง
อันดับสองยกให้กับ Pirates of the Caribbean – Battle for the Sunken Treasure ในโซน Treasure Cove อันนี้คือ CG อลังการเกิ๊นน เราจะนั่งไปบนเรือ แล้วก็จะพาเราล่องไปเรื่อยๆ เหมือนอยู่ในหนังแจ็คสแปรโรวจริงๆเลยอันนี้ชอบมาก
อันดับสามสามเจ้าหญิงแบบเรายกให้ Voyage to the Crystal Grotto จะเป็นเรือที่ล่องไปตามแม่น้ำ แล้วก็จะเจอเจ้าหญิงในเรื่องต่างๆ ถ่ายรูปเพลินเลย อันนี้เราชอบมาก
อันดับสี่เป็นเครื่องที่อยากเล่น แต่เล่นไม่ทัน คือ Roaring Rapids เป็นล่องแก่ง คล้ายๆ ซุปเปอร์สแปชที่ดรีมเวิร์ล
ปิดท้ายด้วยการมารวมตัวหน้าปราสาทเวลา 2 ทุ่มครึ่ง เพื่อมาดูโชว์แสงสีและพลุสุดอลังการ สวยเกินคำบรรยาย อาจจะเพราะเราชอบเจ้าหญิงมากเราเลยอินมากเป็นพิเศษ ดูไปน้ำตาจะไหล 55555 ชอบจน ตั้งเป้าไว้เลยว่าเราจะไปเก็บให้ครบทุกดิสนีย์
เตือนอีกอย่างว่าอย่าดูเพลิน เพราะต้องกลับไปเอาของที่ๆพัก ถ้าช้าจะไปสนามบินไม่ทันน้า Metro ปิด 4 ทุ่ม ตอนกลับเราแบตหมดแล้วรหัสเข้าห้องอยู่ในโทรศัพท์ วุ่นวายมากกว่าจะได้รหัสมา สรุปเลยต้องนั่งแท้กซี่ไปสนามบินในโรงแรมตรงนั่นแรียกให้ โดนไป 93 หยวน ประมาน 439 บาท ถ้าไปกันเยอะเราว่าก็ถูกอยู่น้าหารกัน ไม่ต้องรีบด้วย เพราะเครื่องเราออกตี 3 แหนะ
จบไปได้ด้วยดีสำหรับทริปนี้ เป็นอีกหนึ่งเมืองดีๆ ที่ควรมา เราว่าคุ้มดีนะ มาทั้งที่ได้เที่ยวหลายรูปแบบมากๆ แล้วอยู่ในงบที่ไม่ได้สูงจนเกินไป ได้เห็นวัฒนธรรมใหม่ๆ ได้ช็อปปิ้ง ได้กินของอร่อยๆแบบที่ไม่เคยรู้จักมันมาก่อน ได้มาเจอคนจีนตัวเป็นๆ ถ้ามองดีๆ มันก็ตลกดี ถึงแม้จะมีแซงคิวบ้างโดนชนโดนเบียดบ้าง แต่เราว่ามันก็ไม่ได้แย่ขนาดที่จะรับไม่ได้