วันนี้เราจะพาทุกไปสัมผัสความชิวที่หลวงพระบางเมืองมรดกโลกที่สโลว์ไลฟ์จนเเทบอย่างจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนั้น
ทุกอย่างดูเรียบง่าย การดำเนินชีวิต การเป็นอยู่ของผู้คน ใครที่ก้าวขาเข้ามาเหยียบเมืองนี้จะได้รับความสุขกลับไปอย่างเเน่นอน
แต่การเดินทางครั้งนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้เราจะพาเพื่อนๆไปเมืองข้างเคียงหลวงพระบาง นั้นคือเมืองหนองเขียวหรือเมืองงอยใหม่นั้นเอง ซึ่งอยู่ทางเหนือของหลวงพระบาง ห่างออกไปประมาณ 150กิโลเมตร
มีสถานที่ที่หนึ่งซึ่งมันดึงดูดเราให้ไปที่นั้น มันเป็นจุดชมวิวที่เราอยากจะไปเหยียบ อยากจะไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง วิว 360องศา โดยมีภูเขาโอบล้อม และแม่น้ำอู ซึ่งเป็นแม่น้ำสายใหญ่ของลาว ไหลตัดผ่านเมืองหนองเขียว มันจะสวยงามขนาดไหน ไปดูกันเลยค้า
การเดินทางไปหลวงพระบาง
การเดินทางไปหลวงพระบางสามารถไปได้หลายวิธีค่ะ
- เครื่องบิน บินตรงลงหลวงพระบาง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ปัจจุบันจะมี 2 สายการบินค่ะ คือ Airasia กับ Bangkok Airway
- รถโดยสารระหว่างประเทศ เชียงใหม่- หลวงพระบาง 1,200/1,500 บาท + สองแถวเข้าหลวงพระบาง 20,000 กีบ
- ล่องเรือ 220,000 กีบ + (ค่าที่พักปากแบบง 1คืน) + สองแถวเข้าหลวงพระบาง 20,000 กีบ
- เมืองเงิน – ปากแปง 50,000 กีบ + ที่พักปากแบง 1คืน + ล่องเรือปากแบง – หลวงพระบาง 11,000 กีบ + สองแถวเข้าหลวงพระบาง 20,000 กีบ
- ห้วยโก๋น – เมืองเงิน 10,000 กีบ + เมืองเงิน – ไซยะบุลี 90,000 กีบ + ไซยะบุลี 80,000 กีบ + รถโดยสารระหว่างประเทศ เมืองเลย – หลวงพระบาง
- รถสองแถวเข้าหลวงพระบาง 20,000 กีบโดยสารระหว่างประเทศ เมืองเลย – หลวงพระบาง 700 บาท + สองแถวเข้าหลวงพระบาง 20,000 กีบ
- รถโดยสารระหว่างประเทศ หนองคาย – เวียงจันทน์ 55 บาท + ตลาดเช้า – ขนส่งสายเหนือ 5,000 กีบ +เวียงจันทน์ -หลวงพระบาง 110,000-150,000 กีบ + สองแถวเข้าหลวงพระบาง 20,000 กีบ
ที่พัก
เราพักที่ Burasari Heritage ค่ะ อยู่ในตัวเมือง ใกล้กับพระธาตุพูสี และตลาดมืด สามารถเดินไปได้ ที่พักคือสวยดูดี มีบริการรับส่งสนามบินด้วยค่ะ
บรรยากาศภายในที่พักค่ะ หลังจากเก็บของทุกอย่างเสร็จแพลนต่อไปเราจะไปพระธาตุพูสีกัน ซึ่งเป็นจุดชมวิวของหลวงพระบาง
การขึ้นวัดพระธาตุพูสี จะต้องเดินขึ้นเท่านั้นนะคะ เนื่องจากเป็นจุดชมวิว เราเลยต้องเดินขึ้นบันไดทั้งหมด 328 ขั้น และมีค่าเข้า 20000 กีบ/คน
พระธาตุพูสีสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.2337 และสามารถชมวิวได้ 360องศา ใครที่ไม่ได้ขึ้นมาจุดนี้ถือว่าพลาดมาก
วิวด้านบนจะเห็นเเม่น้ำทั้งสองสายทั้งแม่น้ำโขงและเเม่น้ำคาน
แนะนำขึ้นมาก่อนพระอาทิตย์ตก บรรยากาศจะดีมากค่ะ เสร็จแล้วเราจะรีบลงเพื่อไปต่อกันที่ตลาดมืดหลวงพระบาง
เราเริ่มกันด้วยที่โซนของกิน ต้องมา!! แนะนำอันนี้เลย ราคา 15000กีบ/จาน คือจะตักเท่าไรก็ได้ ตามความสามารถเลยจ้า
ตลาดมืดหลวงพระบางก็เหมือนกับถนนคนเดินบ้านเราเลยค่ะ มีขายกิน ของใช้ขายตลอดสองข้างทาง ส่วนใหญ่จะเป็นของทำมือ
Day2
เราตื่นมาเติ่มพลังกันเเต่เช้า ก่อนจะออกวันเดย์ทริป โดยเราซื้อทัวร์กับโรงเเรมเลยค่ะ
เราเริ่มกันด้วยน้ำตกตาดกวางสี บริเวณทางเข้าน้ำตก จะเป็นแหล่งอนุรักษ์หมี
น้ำตกกวางสี อยู่ห่างจากตัวเมืองหลวงพระบางประมาณ 32กิโลเมตร น้ำตกมีทั้งหมด4ชั้น สูงประมาณ75เมตร เสียค่าเข้า20000กีบ/คน สีของน้ำจะเป็นสีฟ้า สวยมากๆ คล้ายๆน้ำตกเอราวัณแต่ทางเดินที่นี้ง่ายกว่า สามารถเดินต่อขึ้นไปบนยอดน้ำตกได้ ใช้เวลาประมาณ30นาที บริเวณนั้นจะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เดินเหนื่อยเอาเรื่องอยู่
บริเวณน้ำตก ก็จะน่ารักประมาณนี้ มีเด็กตัวเล็กๆ มาจับปลาเพื่อเอาไปทำอาหารกิน
Carpe Diem Restaurant
เรามารับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ค่ะ สามารถเดินมาได้จากน้ำตกตาดกวางสี ภายในร้านมีน้ำตกเล็กๆ บรรยากาศดีๆ ส้มตำเส้นใหญ่หลวงพระบางอร่อยมาก!!
ในร้านมีสถานที่เล่นน้ำเกร๋ๆด้วยแหละ
ช่วงบ่ายเรามาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ต่อกันในหลวงพระบาง แนะนำปั่นจักรยานเที่ยวจะดูคูลที่สุด เเถมได้สัมผัสวิถีชาวบ้าน
มีมุมชิคๆให้ถ่ายรูปเพียบเลย
คาเฟ่ก็มีเยอะอยู่
แล้วเราก็ปั่นจักรยานมาไว้ไหว้พระขอพรกันที่ วัดเชียงทองค่ะ สร้างเมื่อ พ.ศ.2103 เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดของหลวงพระบาง ถึงว่าเป็นวัดประจำราชวงศ์ลาวหลวงพระบาง ได้สถาปัตยกรรมมาจากลาวล้านช้าง เสียค่าเข้า 20000กีบ/คน
จบด้วยหมูกระทะลาว ฟิวที่นี้คล้ายๆกับประเทศเราเเต่ต่างกันตรงที่น้ำจิ้ม แปลกๆแต่อร่อยดี ราคาอยู่ที่ 60000กีบ/คน
Day3
เราตื่นเเต่เช้ามาตักบาตรข้าวเหนียวค่ะ เป็นเอกลักษณ์ประจำหลวงพระบางเลย
ที่หลวงพระบางจะใช้ข้าวเหนียวในการตักบาตรเท่านั้น มีจำนวนพระภิกษุประมาณ 300 – 400รูป
ชุดนี้ได้มาจากตลาดมืดที่ไปเดิน มีผ้าถุงสวยๆขายเต็มเลยค่ะ ต่อได้ ราคาไม่แพง
หลังจากใส่บาตรเรียบร้อย เรามาคิวรถสายเหนือเพื่อซื้อตั๋วรถไปเมืองหนองเขียว ราคา55000กีบ/คน ทางคิวรถเขาจะมีบริการเสริมรับหน้าที่พัก 5000กีบ/คน รอบรถ8.30 10.30 11.30 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3ชั่วโมง
เรามาถึงเมืองหนองเขียวช่วงบ่ายค่ะ เมืองไม่ใหญ่มาก สามารถเดินได้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินกัน
เราได้ที่พักชื่อ NAMHOUN GUESTHPUSE ราคา 50000กีบ/ห้อง
มีห้องน้ำส่วนตัวขนาดพอๆกับห้องนอน ไม่รู้จะทำใหญ่ไปไหนแต่สะอาดมาก ถือว่าผ่าน เรารีบเก็บของและไปเดินสำรวจเมือง เตรียมไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาแดง
จุดแรกเราจะเดินไปที่ถ้ำผาทอกค่ะ ไม่ไกลจากที่พัก
ใช้เวลาเดินเท้าไปประมาณ 15-20นาที ภายในถ้ำมืดสนิท ไม่น่ากลัว
เราเดินย้อนกลับไปขึ้นผาแดง ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ1.30ชั่วโมง ทางเดินค่อนข้างง่ายแต่ชันพอสมควร ค่าเข้า 20000กีบ/คน
วันเราไปมีนักท่องเที่ยวเเค่ประมาณ 10คนเท่านั้น
วิวสวยมากๆ เห็นเเม่น้ำอูที่ไหลผ่านเมืองหนองเขียว
ตอนแรกตั้งใจว่าจะตื่นเเต่เช้าเผื่อไปขึ้นผาแดงอีกรอบ แต่ว่าไม่ตื่น ฮ่าๆๆๆ ในตอนเช้าระหว่างเดินเล่นแอบตกใจกับกิจกรรมที่อยู่ตรงหน้ามากค่ะ เขาจัดงานประจำปีคล้ายๆงานกาชาดบ้านเรา
ได้เดินเล่นในเมืองนิดหน่อยก่อนไปที่คิวรถเพื่อจะกลับไปหลวงพระบาง รอบรถ 9.00 11.00 12.30 เส้นทางหนองเขียว-หลวงพระบาง ค่ารถ55000กีบ/คน โดยรถจะไปส่งคิวรถสายเหนือที่เดิม จากนั้นก็เดินทางกลับประเทศไทย..เป็นอันจบทริป
แนะนำสำหรับคนชอบความชิล ความสโลวไลฟ สัมผัสวิถีชุมชน เราว่าหลวงพระบางเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะมากๆค่ะ